เงื่อนไขการใช้ และ นโยบายส่วนบุคคล •
เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพของแคมเปญอีเมล คุณจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำงานของอีเมลและพฤติกรรมของผู้รับข่าวสาร เพื่อทำให้ลูกค้าของคุณเกิดปฏิสัมพันธ์และคลิกอีเมลแคมเปญของคุณ |
วิธีการทำให้ลูกค้าของคุณมีปฏิสัมพันธ์ต่อแคมเปญอีเมลที่คุณส่งไป
การตลาดทางอีเมลเป็นหนึ่งในรูปแบบการตลาดยอดนิยมที่สร้างขึ้นเพื่อสื่อสารกับลูกค้าของคุณและได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพมาโดยตลอด ซึ่งช่องทางพื้นฐานนี้สร้างขึ้นเพื่อเข้าถึงและพัฒนาความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และดึงดูดลูกค้าปัจจุบันให้กลายเป็นลูกค้าประจำของคุณ
1. การสร้างความสัมพันธ์และการใช้เนื้อหาส่วนบุคคล
คุณควรให้ความสำคัญต่อผู้รับข่าวสารจากคุณเป็นลำดับที่ 1 เสมอ เพราะลูกค้าของคุณต่างมีความคาดหวังบางอย่าง ซึ่งการให้ความสำคัญนี้สามารถทำให้เกิดการตัดสินใจว่าจะเป็นลูกค้าประจำของคุณหรือจะเปลี่ยนใจไปเป็นลูกค้าของคนอื่นได้
ดังนั้นเราควรจะให้ความสำคัญต่อลูกค้าของเราอย่างไร?
อีเมลที่กำหนดเป้าหมายโดยการจัดกลุ่มผู้รับอีเมลสามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เนื่องจากคุณกำลังส่งข้อมูลที่ถูกต้องและตรงกับที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้รับการติดต่อจากคุณ ด้วยการใช้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ
หากคุณต้องการส่งอีเมลอย่างมีประสิทธิภาพ ปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ ( ปุ่ม Call to Action หรือปุ่ม CTA ) จะกระตุ้นให้ลูกค้าได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมทั้งกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งปุ่มนี้อาจอยู่ในรูปแบบของประโยคที่สามารถโน้มน้าวใจ หรืออยู่ในรูปแบบของรูปภาพที่เห็นได้ชัดเจน ควรใช้เนื้อหาอีเมลของคุณเพื่ออธิบายให้ผู้อ่านทราบถึงเหตุผลที่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ และนำผู้อ่านไปสู่การตัดสินใจซื้อด้วยปุ่ม CTA ที่มีประสิทธิภาพ
2. ไม่ควรออกแบบโดยเน้นที่ความสวยงามเป็นเพียงอย่างเดียว แต่ควรเพิ่มคุณค่าด้วยการจัดลำดับองค์ประกอบภาพ
การออกแบบของคุณควรสะท้อนถึงความหมายทั้งหมดของแคมเปญอีเมล มากกว่าการดึงดูดสายตาเพียงอย่างเดียว การจัดลำดับภาพหมายถึงการจัดหรือการนำเสนอองค์ประกอบตามความสำคัญซึ่งจะมีผลต่อลำดับการมองเห็นของผู้รับอีเมล โดยเรียงลำดับให้ข้อมูลที่สำคัญมาก่อนแล้วค่อยตามด้วยข้อมูลที่สำคัญน้อยลง ด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถสร้างความชัดเจนแก่ผู้รับอีเมลของคุณได้
3. พัฒนาอีเมลเพื่อการโต้ตอบ
ใช้อีเมลเพื่อการโต้ตอบเพิ่มความน่าสนใจให้อีเมลเของคุณโดยจะกระตุ้นการคลิกและเพิ่มอัตราต่าง ๆ ให้กับอีเมล อีกทั้งยังเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าให้มากขึ้นด้วย เมื่อคุณวางแผนที่จะทำแคมเปญอีเมลแบบโต้ตอบเฉพาะบุคคล คุณต้องแน่ใจว่าอีเมลของลูกค้าจะรองรับรูปแบบการเขียนอีเมลแบบ CSS และคุณจำเป็นต้องสร้างเนื้อหาสำรองเนื่องจากรูปแบบที่คุณส่งอาจมีอีเมลของลูกค้าบางท่านไม่รองรับ
ทั้งนี้การใช้อีเมลแบบการโต้ตอบเฉพาะบุคคลถือเป็นการสร้างสิ่งที่ดึงดูดใจด้วยความแตกต่างและโดดเด่นที่มากกว่าเดิม
4. ออกแบบ CTA ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
การสร้างปุ่ม CTA ของคุณให้มีความโดดเด่นควรสร้างด้วยคำที่ดึงดูด ไม่ควรใช้คำว่า " ตกลง หรือ คลิกที่นี่ " เพราะเป็นคำที่ไม่น่าสนใจ
องค์ประกอบที่สำคัญของปุ่ม CTA ที่มีประสิทธิภาพ
• ข้อความนั้นทำให้ผู้อ่านต้องการคลิกเพื่อเปิดอ่าน
• การออกแบบที่สะดุดตา
• ความชัดเจนและคุณค่าของข้อเสนอเพื่อการดึงดูดให้ลูกค้าคลิก
• หน้า Landing Page ที่เฉพาะเจาะจง
คุณสามารถใช้ CTA ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยคำต่อไปนี้
• ทดลองตอนนี้
• รับสิทธิ์แบบไม่จำกัด
• ดาวน์โหลด Ebook ที่นี่
• รับการประเมินผลฟรี
การวางตำแหน่งของ CTA และขนาด CTA มีความสำคัญเท่าเทียมกันในแคมเปญอีเมลของคุณ ดังนั้น CTA ของคุณควรมีความเด่นชัดเพียงพอที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย และควรได้รับการออกแบบให้เข้ากันได้กับแบรนด์ของคุณ โดยแนะนำให้วาง CTA ไว้ครึ่งหน้าบนเนื่องจากทำให้มองเห็นได้ง่ายจากการสังเกตเพียงครั้งแรก
5. ใส่ใจกับรายละเอียดของรูปแบบตัวอักษรและสี
สีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในแคมเปญอีเมลของคุณ สามารถบ่งบอกถึงความรู้สึกและอารมณ์ของผู้รับอีเมลได้ ซึ่งคุณควรเลือกใช้สีด้วยความระมัดระวังทั้งจากพื้นฐานทางวัฒนธรรมและจากภาพลักษณ์ของแบรนด์
เครดิตภาพ : http://www.cheezburger.com
ยกตัวอย่างความหมายของสีที่มีความแตกต่างกันจากสองวัฒนธรรม คือจีนและสหรัฐอเมริกาได้ดังนี้
-จีน- | -สหรัฐอเมริกา- | |
• สีแดง |
โชคดี,ความสุข,การเฉลิมฉลอง | l ความรัก,ความหลงใหล |
• สีเหลือง |
การถนุถนอม | l ความหวัง,อันตราย |
• สีเขียว |
ความน่ากลัวสยองขวัญ,การนอกใจ | l ใบไม้ผลิ,เป้าหมาย,วันคริสต์มาส |
• สีดำ |
ความหนุ่มสาว,สีสำหรับคนหนุ่ม | l งานศพ,วันฮาโลวีน |
• สีขาว |
งานศพ | l งานแต่งงาน,ความบริสุทธิ์ |
ขนาดและสีของตัวอักษรสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับรูปและโครงสร้างโดยรวมของแคมเปญอีเมลของคุณ และไม่ควรใช้สีจำนวนมากเกินไปเพราะจะทำให้ผู้อ่านของคุณมีความสนใจในแคมเปญน้อยลงได้
6. ข้อดีของการยอมรับจากสังคม
ความน่าเชื่อถือมีความสำคัญเป็นอย่างมากซึ่งสามารถวัดผลได้ด้วยการยอมรับจากโซเชียลมีเดีย โดยบ่อยครั้งที่เราอาจตรวจสอบบางสิ่งด้วยการอ่านรีวิวจาก Tripadvisor หรืออาจดูจากจำนวนยอด like ใน facebook ซึ่งนั่นก็คือการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ เพราะเนื่องจากทุกคนให้ความสำคัญกับการประเมินค่าความนิยมจากผู้บริโภคมากกว่าการโฆษณาหรือสโลแกน
คุณสามารถสร้างความเชื่อมั่นโดยเพิ่มการยอมรับจากสังคมด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
• การรับรองจากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ (Testimonials) - มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการรับรองจากผู้ใช้จริง ซึ่งได้ผลดีกว่าการที่เจ้าของแบรนด์ออกมาพูดเอง
• วัดความนิยมและความคิดเห็น (Ratings and Reviews) - ความคิดเห็นหรือการรีวิวจากลูกค้ามีพลังเป็นอย่างมาก ด้วยการวัดความนิยมในระบบการให้คะแนน 5 ดาว สามารถสร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นได้
• การรับรองจากผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influence Endorsement) - สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มาก เมื่อผู้มีชื่อเสียงหรือผู้มีอิทธิพลทางความคิดในสังคมใช้บริการของคุณ ย่อมสร้างความยอมรับให้กับผู้ชมและทำให้สามารถพัฒนาเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ของคุณ
• สัญลักษณ์หรือใบรับรอง (Badges or Certificates) - สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ตัวอย่างเช่นถ้าหากคุณได้รับการรับรองหรือได้รับความร่วมมือจากกูเกิ้ล หรือถ้าคุณมีสัญลักษณ์จาก Tripadvisor คุณจะสามารถเปลี่ยนความรู้สึกลูกค้าได้อย่างแน่นอน และเมื่อคุณแสดงสัญลักษณ์และใบรับรองเหล่านี้ย่อมสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือกับลูกค้าใหม่ของคุณได้
• เครือข่ายทางสังคม (Social Connections) - การร่วมมือกันระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสังคมออนไลน์และเป็นกลยุทธ์พื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ โดยคุณสามารถใช้ประโยชน์จากการมีเว็บไซต์พันธมิตรในการเพิ่มความน่าเชื่อถือได้