SMS หรือบริการส่งข้อความสั้นเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจในการสื่อสารกับลูกค้า  สิ่งสำคัญคือควรปฏิบัติตามแนวทางที่แนะนำ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้ 

ข้อแรก คือควรส่งข้อความให้สั้นและตรงประเด็น เพื่อให้แน่ใจว่าผู้รับจะอ่านข้อความทั้งหมด แทนที่จะเห็นตัวอักษรจำนวนมากในข้อความและทำให้หมดความสนใจไปก่อน 

ข้อที่สอง คุณควรปรับแต่งข้อความโดยใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อผู้รับ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยวิธีดังกล่าวจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ให้ความรู้สึกว่าเป็นการสื่อสารส่วนบุคคลมากขึ้นและเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะดำเนินการตามที่แจ้งในข้อความ

ข้อที่สาม ควรใส่คำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นข้อความส่งเสริมการขาย, แบบสำรวจ, หรือเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้การให้ขั้นตอนต่อไปที่ชัดเจนแก่ผู้รับ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของข้อความของคุณได้

ด้วยการปฏิบัติตามวิธีที่ดีที่สุดเหล่านี้ จะทำให้เกิดชื่อเสียงในเชิงบวกต่อลูกค้าและผู้รับบริการ และสามารถหลีกเลี่ยงการถูกมองว่าเป็นสแปมหรือละเมิดความเป็นส่วนตัว ทำให้แคมเปญ SMS ของคุณสำเร็จตามเป้าหมายได้ อีกั้งยังสามารถติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของข้อความ โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น สถิติจากการคลิก (โดยใช้ Shot link ของ Taximail จะทำให้ระบบสามารถติดตามสถิติการคลิกจากปลายทาง) ซึ่งข้อมูลนี้สามารถใช้เพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อความในอนาคตเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

เคล็ดลับในการใช้งาน SMS ให้มีประสิทธิภาพที่สุด:

แบ่งกลุ่มผู้รับข่าวสารของคุณเพื่อให้ได้รับข้อความที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น: การแบ่งกลุ่มผู้รับข้อความของคุณตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ข้อมูลประชากร, ประวัติการซื้อ, หรือที่อยู่ ทำให้คุณสามารถสร้างข้อความที่ตรงเป้าหมายและมีความเกี่ยวข้องกับผู้รับมากขึ้น สิ่งนี้จะเพิ่มโอกาสให้ข้อความของคุณถูกอ่านและดำเนินการได้

ทดสอบส่งข้อความไปยังเบอร์โทรจากหลายเครือข่ายและใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ กัน: การทดสอบข้อความของคุณไปยังผู้ให้บริการและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถส่งข้อความและแสดงผลได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้สามารถช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาทางเทคนิคที่อาจส่งผลเสียต่อความพยายามในการส่งข้อความของคุณ

หลีกเลี่ยงการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดหรือการใช้เครื่องหมายวรรคตอนมากเกินไป: การใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดหรือการเครื่องหมายวรรคตอนมากเกินไปอาจทำให้ข้อความของคุณดูเหมือนสแปม อาจเป็นการลดโอกาสที่ข้อความจะถูกอ่านและดำเนินการ โดยคุณควรเขียนข้อความให้กระชับและเป็นมืออาชีพ

ระบุชื่อผู้ส่งที่ชัดเจนและจำง่าย: การให้ชื่อผู้ส่งที่ชัดเจนและจดจำได้ง่ายช่วยให้ผู้รับระบุได้ว่าข้อความนั้นมาจากใคร และเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะอ่านข้อความจากคุณ

ใช้ SMS สำหรับส่งข้อมูลที่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลา: เช่น การแจ้งเตือนการนัดหมายหรือการส่งข้อความส่งเสริมการขายแบบจำกัดเวลา สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้รับจะได้รับข้อมูลในเวลาที่เหมาะสมและมีแนวโน้มที่จะดำเนินการกับข้อมูลนั้นมากขึ้น

ไม่ควรใช้ SMS มากหรือบอยเกินไป: คุณควรใช้การสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ ร่วมด้วย ทั้งนี้การใช้ SMS มากเกินไปอาจทำให้ผู้รับรู้สึกไม่พึงพอใจ และอาจทำให้ประสิทธิภาพในการส่งข้อความของคุณลดลงได้ ด้วยการผสมผสาน SMS กับการสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การใช้อีเมล จะช่วยให้ข้อความของคุณน่าสนใจและตรงประเด็น

ขอความยินยอมสำหรับข้อความทางการตลาด: ก่อนส่งข้อความทางการตลาดใดๆ ผ่าน SMS สิ่งสำคัญคือต้องได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากผู้รับ วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อความของคุณจะไม่ถูกมองว่าเป็นสแปม และเพิ่มโอกาสที่ข้อความเหล่านั้นจะถูกดำเนินการ

ใช้ SMS ร่วมกับช่องทางอื่น ๆ: การใช้ SMS ร่วมกับช่องทางการตลาดอื่นๆ เช่น อีเมลหรือโซเชียลมีเดีย สามารถช่วยเสริมข้อความของคุณและเพิ่มผลกระทบต่อลูกค้าของคุณได้ แนวทางแบบใช้หลายช่องทางนี้ยังสามารถช่วยสร้างมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับผู้ชมของคุณ

หลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือเป็นความลับทาง SMS: SMS ไม่ใช่ช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัยที่สุด ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือเป็นความลับทาง SMS คุณควรให้ใช้วิธีอื่นแทน เช่น อีเมลเข้ารหัสหรือการแชร์ไฟล์ที่ปลอดภัยสำหรับข้อมูลประเภทนี้

สรุป

SMS เป็นเครื่องมือสำหรับสื่อสารกับลูกค้าที่มีประสิทธิภาพสำหรับทุกธุรกิจ ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางที่แนะนำข้างต้น คุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ข้อความของตนเองได้สูงสุด และสร้างชื่อเสียงในเชิงบวกได้ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และในท้ายที่สุดผลลัพธ์ทางธุรกิจจะดีขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ หากคุณสละเวลาทำความเข้าใจและนำแนวทางเหล่านี้ ไปใช้ จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากความตั้งใจในการส่งข้อความของคุณ