คุณทราบหรือไม่ว่ามีบริษัทจำนวนมากถึง 64% วางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณทางการตลาดในการใช้อีเมลมาร์เก็ตติ้ง

ปัจจุบันมีวิธีในการทำการตลาดอยู่หลากหลายแต่อีเมลมาร์เก็ตติ้งยังคงได้รับความนิยมจากนักการตลาด ถึงแม้จะมีบล็อกและบทความจากหลายที่บอกว่าอีเมลมาร์เก็ตติ้งกำลังจะได้รับความนิยมน้อยลง แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่มีแนวโน้มที่น้อยลงเลย

ถึงแม้ความนิยมในการใช้อีเมลไม่ได้ลดลง แต่คุณไม่ควรมองข้ามความจริงที่ว่าผู้รับอีเมลจะได้รับอีเมลเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน โดยผู้คนต่างเร่งรีบและไม่สามารถใช้เวลานานในการอ่านอีเมลทั้งหมด ดังนั้นเราจึงควรต้องทำอะไรบางอย่างในการเพิ่มความสนใจของลูกค้า

ธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากที่สุดจากการใช้อีเมลมาร์เก็ตติ้ง ต้องมีความรู้และเข้าใจแคมเปญของตนเองเป็นอย่างดี ต้องเป็นองค์กรที่สามารถทำให้ผู้อ่านสนใจโดยใช้ Subject email, รูปแบบอีเมล, ข้อความ, จุดดึงดูดให้ผู้อ่านต้องการคลิก (Call to action หรือ CTA) เพื่อสร้างผลลัพท์ที่ดีที่สุด

คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการทำการตลาดโดยใช้เครื่องมือแบบอัตโนมัติที่ดี เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ช่วยให้สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำการตลาดได้อย่างใกล้ชิด เช่น อัตราการเปิด, อัตราความสำเร็จตามเป้าหมาย (Conversion) และอัตราการคลิก ซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนกลยุทธ์ที่ไม่ได้ผลได้ได้อย่างรวดเร็ว

 

การโทรศัพท์เป็นส่วนหนึ่งของสถิติทางอีเมลได้อย่างไร?

หลังจากที่เราเข้าใจความสำคัญของอีเมลมาร์เก็ตติ้งแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรเรียนรู้คือจุดอ่อนที่นักการตลาดบางคนพลาดเกี่ยวกับการวัดผลประสิทธิภาพทางอีเมล

สิ่งที่นักการตลาดมักจะมองข้ามไปคือจำนวนการโทรติดต่อจากผู้ที่สนใจอาจเพิ่มขึ้นได้ หากคุณส่งอีเมลที่เพิ่มปุ่มโทรออกเพื่อให้ผู้รับอีเมลสามารถโทรกลับจากการคลิกในอีเมลของคุณ

คุณควรใช้ซอฟต์แวร์เพื่อติดตามข้อมูลที่มีความแม่นยำ ที่สามารถติดตามการโทรกลับจากแหล่งที่มาต่าง ๆ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้คุณจากข้อมูลที่ถูกต้อง 

ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องมือทางการตลาดสามารถบอกคุณได้ว่าผู้รับอีเมลรายใดคลิกลิงก์เพื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์, เข้าร่วมการสัมมนา, ดาวน์โหลดเอกสารหรือรายงานสำคัญจากหน่วยงานของคุณ

 

ความสำคัญของการตลาดแบบ inbound ที่ดึงดูดให้คนโทรเข้ามาหาคุณ

สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้า (Lead) ทั้งหมดอาจมีคุณภาพและศักยภาพที่แตกต่างกัน เช่น Lead ที่มาจากการดาวน์โหลดเอกสารที่เว็บไซต์ หรือมาจากการจัดสัมมนาทางเว็บซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสร้างรายชื่อผู้ติดต่อใหม่ ๆ

อย่างไรก็ตาม Lead ส่วนมากจะเกิดจากการทำรีเซิร์ชข้อมูล ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะยังไม่พร้อมที่จะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณในขณะนั้น ซึ่งต่างจากการตลาดแบบ inbound ที่ดึงดูดให้คนโทรเข้า

จากการศึกษาข้อมูลโดย BIA Kelsey Group พบว่าผู้โทรเข้ามามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับโอกาสในการขายจากการคลิกลิงก์

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เนื่องจาก Lead ที่โทรเข้ามาหาคุณเกือบทั้งหมดจะอยู่ในขั้นตอนของการซื้อ โดยมีความพร้อมที่จะรับข้อมูลการนำเสนอจากพนักงานขาย ดังนั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลหากแคมเปญของคุณสร้างจำนวนการโทรเข้ามาไม่มาก เนื่องจากการโทรเข้าเหล่านี้เป็นโอกาสในการขายที่มักจะเปลี่ยนเป็นรายได้ ซึ่งคุณต้องทำการติดตามพวกเค้าด้วยความใส่ใจให้มากที่สุด

หากคุณมองข้ามรายได้จาก Lead  ที่โทรเข้ามาจะส่งผลเสียต่อแคมเปญอีเมลของคุณ ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้การวัดผลเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on investment  หรือ ROI) ที่คุณนำเสนอต่อทีมผู้บริหารของคุณลดลง

 

ความนิยมของสมาร์ทโฟน

มีคนจำนวนมากถึง 88% ที่มักจะเปิดอีเมลบนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งนี่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการติดตามสถิติการโทรจากคลิกในอีเมล

ลิงก์สำหรับคลิกเพื่อโทรออกอาจเป็นลิงก์ที่อยู่ในอีเมลหรืออาจอยู่ในเว็บไซต์ ที่ทำให้ผู้รับอีเมลหรือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถโทรมายังบริษัทของคุณได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว ซึ่งทำผู้ที่เห็นลิงก์นี้มีแนวโน้มที่จะคลิกลิงก์แล้วโทรออก

 

 call-button.jpg

Credit: florenceconsultant.com 

 

เนื่องจากการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ยังคงเพิ่มขึ้น ความน่าจะเป็นของการโทรจากอุปกรณ์เคลื่อนที่มายังธุรกิจของคุณก็จะมากขึ้น ดังนั้นการติดตามสถิติการโทรจึงควรจะสามารถแยกแหล่งที่มาว่าลูกค้าคลิกลิงก์จากการตลาดแบบไหนที่คุณทำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำความเข้าใจผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของคุณ

 

 

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการโทรที่ใช้วัดผลในการตลาดทางอีเมล

หนึ่งในสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอีเมลคือข้อมูลสถิติต่าง ๆ ที่ให้กับนักการตลาด เช่น อัตราการเปิด, อัตราความสำเร็จตามเป้าหมายของคุณ (Conversion), การยกเลิกรับข่าวสาร, อัตราตีกลับแบบ Hard (Hard Bounce) และอัตราการคลิก ซึ่งทำให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพ Lead ของคุณ

การเก็บสถิตจำนวนการโทรที่อีเมลของคุณสร้างขึ้นนั้น มีวิธีการทำได้อย่างง่าย ๆ โดยการสร้างหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ซ้ำกันเพื่อใช้เป็นลิงก์โทรออกในอีเมลของคุณ จากนั้นรวบรวมข้อมูลด้วยซอฟต์แวร์ติดตามการโทร

วิธีนี้จะช่วยให้คุณวัดผลการโทรที่เกิดจากอีเมลหรือการโทรที่เกิดจากการเข้าชมหน้า Landing Page ของอีเมล ซอฟต์แวร์ติดตามการโทรจะแสดงหมายเลขเฉพาะและมีสถิติที่ติดตามการโทรจากหน้า Landing Page ของอีเมล ดังนั้นหากลูกค้าโทรไปที่หมายเลขนั้นซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังอีเมลต้นฉบับ

การวัดปริมาณการโทรอาจเป็นการเริ่มต้นที่ดี และนักการตลาดควรให้ความสำคัญกับคุณภาพของการโทรเหล่านั้น

ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรใช้ประโยชน์จากสถิติทางอีเมลและสถิติการโทรร่วมกัน โดยต้องเข้าใจวิธีการใช้สถิติเหล่านี้

1.สถานที่หรือตำแหน่งของผู้โทร

หากคุณทราบว่าผู้ที่โทรเข้ามาหาคุณอยู่ที่ใดจะทำให้การโฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น หากคุณมีสถิติผู้ที่โทรเข้ามาจาก ชิคาโกและนิวยอร์กเป็นจำนวน 60% คุณอาจจะต้องการเพิ่มแคมเปญสำหรับพื้นที่นั้น โดยคุณสามารถสร้างอีเมลที่เฉพาะเจาะจงสำหรับพื้นที่เหล่านั้นได้ 

2.วันที่มีผู้โทรเข้ามากที่สุดในสัปดาห์

หากคุณได้รับปริมาณการโทรที่สูงขึ้นในบางวันของสัปดาห์ คุณอาจต้องการส่งอีเมลเพิ่มเติมในวันนั้น

3. การโทรที่เปลี่ยนไปตามตัวแทน

คุณอาจมีตัวแทนขายบางคนที่สามารถปิดการขายจากการโทรศัพท์ได้ดีกว่าตัวแทนคนอื่น หรือการโทรเข้าจากบางแคมเปญอาจจะมีความเหมาะสมกับตัวแทนแต่ละรายไม่เท่ากัน การรู้รายละเอียดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้แคมเปญของคุณประสบความสำเร็จ

 

เนื้อหาของเราครอบคลุมทุกด้านเกี่ยวกับการติดตามสถิติจากการโทรหรือไม่ คุณสามารถแจ้งให้เราทราบในความคิดเห็นด้านล่าง!

โพสต์โดย
โพสต์โดย
SENIOR SUPPORT SPECIALIST
มุกเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิค และให้การช่วยเหลือกับลูกค้า มีความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มุกยังมีหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนทีมงานฝ่ายสนับสนุนลูกค้าด้วย เวลาว่างมุกชื่นชอบการท่องเที่ยว และเป็นคนที่มีความสนใจทางด้านแฟชั่น

ขยายธุรกิจของคุณด้วย
อีเมลมาร์เก็ตติ้ง

เริ่มต้นได้ฟรี